หลักสูตร การดูแลสุขภาวะทางสังคม Social Wellbeing

การดูแลสุขภาวะทางสังคม

Social Wellbeing

องค์ประกอบของ Wellbeing Transformation

Social wellbeing หรือ สุขภาวะทางสังคม นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เพราะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ที่เราสร้างขึ้นกับผู้อื่น ทั้งในครอบครัว เพื่อนฝูง ชุมชน และสังคมโดยรวม เมื่อเรามีสุขภาวะทางสังคมที่ดี ก็จะส่งผลดีต่อด้านอื่นๆ ในชีวิต เช่น

 

  • สุขภาพกายและใจ : การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ช่วยลดความเครียด เพิ่มความสุข และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ ทำให้เรามีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
  • ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง : การเป็นที่ยอมรับและมีส่วนร่วมในสังคม ทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ส่งผลให้เรามีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น
  • การพัฒนาตนเอง : การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรียนรู้จากผู้อื่น ช่วยให้เราได้พัฒนาตนเองในหลายๆ ด้าน
  • การสนับสนุน : เมื่อเราประสบปัญหา การมีเพื่อนหรือครอบครัวคอยให้กำลังใจ จะช่วยให้เราสามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้

ปัจจัยที่ส่งเสริม Social wellbeing​

  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่จริงใจกับผู้อื่น ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
  • เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม: การเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มต่างๆ เช่น สโมสร ชมรม หรือกลุ่มอาสาสมัคร ช่วยให้เราได้พบปะผู้คนใหม่ๆ และสร้างเครือข่ายทางสังคม
  • ดูแลความสัมพันธ์ในครอบครัว: ให้ความสำคัญกับครอบครัว สร้างบรรยากาศที่ดีในบ้าน และใช้เวลาอยู่ร่วมกัน
  • ฝึกฝนทักษะการเข้าสังคม: ฝึกฝนทักษะการสื่อสาร การฟัง การแสดงออก และการแก้ไขปัญหา เพื่อให้สามารถเข้ากับผู้อื่นได้ง่ายขึ้น

ประโยชน์ที่เราจะได้รับจาก Social wellbeing มีมากมาย ดังนี้​

  • สุขภาพกายและใจแข็งแรง: การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นช่วยลดความเครียด เพิ่มความสุข และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ ทำให้เรามีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
  • ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง: การเป็นที่ยอมรับและมีส่วนร่วมในสังคม ทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ส่งผลให้เรามีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น
  • การพัฒนาตนเอง: การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรียนรู้จากผู้อื่น ช่วยให้เราได้พัฒนาตนเองในหลายๆ ด้าน
  • การสนับสนุน: เมื่อเราประสบปัญหา การมีเพื่อนหรือครอบครัวคอยให้กำลังใจ จะช่วยให้เราสามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้
  • ประสิทธิภาพในการทำงาน: พนักงานที่มี Social wellbeing ดี มักจะมีความสุขในการทำงาน มีความกระตือรือร้น และมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น
  • ลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ: การมี Social wellbeing ดี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และโรคหัวใจ

ความรู้ประโยชน์ ที่ผู้เรียนจะได้รับ

  1. การจัดการความเปลี่ยนแปลง (Change Management)
  2. การสร้างความฉลาดทางด้านอารมณ์ (Emotional Intelligence)
  3. จิตวิทยาการสื่อสาร (Psychological Safety)
    – ทักษะการฟังอย่างเข้าใจ
    – จิตวิทยาการพูดเชิงบวก
  4. การสร้างความปลอดภัยทางด้านจิตใจในการทำงาน (Psychological Safety)
    – การเข้าใจจุดแข็งของทีมงาน
    – การเปิดใจในการทำงาน
    – การตั้งเป้าหมายในการทำงานให้สอดคล้อง
    – การสร้างการรับรู้ความสามารถของทีมงานในการทำงาน
    – การสร้างความสัมพันธ์ในการทำงาน
    – การรับรู้ความแตกต่างในการทำงาน

เนื้อหาหลักสูตร