ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก้าวล้ำอย่างรวดเร็ว “Generative AI” กลายเป็นเครื่องมือที่องค์กรและพนักงานหลายคนตั้งตารอคอยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสร้างสรรค์ในงานประจำ แต่คำถามสำคัญคือ เราจะใช้ Generative AI อย่างไรให้ได้ผลลัพธ์จริงและเกิดประโยชน์สูงสุดในการทำงานประจำวัน?ทำความรู้จักกับ Generative AI แบบเข้าใจง่ายGenerative AI คือระบบ AI ที่สามารถสร้างสรรค์ข้อมูลใหม่ๆ ได้เอง เช่น เขียนข้อความ สร้างภาพ หรือแม้แต่คิดไอเดียใหม่ๆ ตามข้อมูลและคำสั่งที่ได้รับ โดยที่มนุษย์ไม่ต้องลงรายละเอียดทุกขั้นตอน ทำให้ช่วยประหยัดเวลา ลดภาระงานซ้ำซ้อน และเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้กับงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3 วิธีใช้ Generative AI ในงานประจำอย่างได้ผล
ช่วยวางแผนและเขียนเอกสารงานเอกสาร เช่น รายงาน ประชาสัมพันธ์ หรือสคริปต์นำเสนอ อาจกินเวลามาก Generative AI สามารถช่วยเขียนร่างแรกที่สมบูรณ์แบบ เพียงแค่ให้ข้อมูลหัวข้อและแนวคิด จากนั้นมนุษย์ค่อยปรับแต่งให้เหมาะสม ลดเวลาการทำงานและเพิ่มความแม่นยำสร้างไอเดียและคอนเทนต์ใหม่ๆไม่ว่าจะเป็นการทำคอนเทนต์สำหรับโซเชียลมีเดีย หรือการระดมความคิดเพื่อแคมเปญการตลาด Generative AI ช่วยเสนอไอเดียหลากหลายที่คุณอาจไม่เคยนึกถึง และยังสามารถปรับสไตล์การเขียนได้ตามกลุ่มเป้าหมาย
ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผล บางครั้งข้อมูลดิบจำนวนมากอาจทำให้วิเคราะห์ได้ยาก AI สามารถช่วยสรุปข้อมูลที่ซับซ้อนเป็นข้อสังเกตหรือแนวทางปฏิบัติที่เข้าใจง่าย ช่วยให้คุณตัดสินใจได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น องค์กรชั้นนำใช้ Generative AI อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด Microsoft ใช้ Generative AI ในการช่วยพนักงานสร้างเอกสารและโค้ดโปรแกรม ทำให้การทำงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้น
Google ผสาน AI เข้ากับเครื่องมือการทำงานประจำวัน เช่น Google Docs และ Gmail เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สร้างข้อความและตอบอีเมลอย่างฉลาด IBM ใช้ Generative AI เพื่อช่วยทีมวิจัยและพัฒนาในกระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
เคล็ดลับเพื่อใช้งาน Generative AI ให้ได้ผลจริงตั้งเป้าหมายชัดเจน ว่าต้องการให้ AI ช่วยในเรื่องไหน เพื่อให้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการอย่าลืม “ตรวจสอบ” แม้ AI จะช่วยได้เยอะ แต่ต้องมีมนุษย์ตรวจทานและปรับแก้ให้เหมาะสมฝึกอบรมพนักงาน ให้รู้จักใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพและเข้าใจข้อจำกัดของเทคโนโลยี
สรุป
Generative AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีแห่งอนาคต แต่เป็นเครื่องมือที่พร้อมช่วยพลิกโฉมการทำงานประจำให้มีประสิทธิภาพและความสร้างสรรค์มากขึ้นอย่างแท้จริง เมื่อองค์กรและพนักงานรู้จักใช้ให้ถูกทางและเหมาะสม จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนทั้งเรื่องประหยัดเวลา คุณภาพงาน และขีดความสามารถในการแข่งขัน