จากแบบสอบถามสุขภาพจิตสู่วัฒนธรรมที่ใส่ใจ วิธีทำให้ Wellbeing Survey ไม่จบแค่การเก็บข้อมูล

วิธีทำให้ Wellbeing Survey ไม่จบแค่

ในปัจจุบัน สุขภาพจิตของพนักงาน กลายเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความยั่งยืนองค์กร พนักงานที่มีความผูกพันและสุขภาพจิตดี จะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ มีแรงจูงใจ และพร้อมสนับสนุนการเติบโตขององค์กร

หลายองค์กรเริ่มทำ Wellbeing Survey เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความเครียด ความสมดุลชีวิตการทำงาน และความพึงพอใจในสภาพแวดล้อมการทำงาน แต่ถ้าแค่เก็บข้อมูลโดยไม่ต่อยอด ข้อมูลเหล่านี้ก็จะเป็นเพียงตัวเลขที่ไม่ได้สร้างคุณค่า

ทำไม Wellbeing Survey ต้องไม่จบแค่เก็บข้อมูล

  1. การเก็บข้อมูลอย่างเดียวไม่เปลี่ยนพฤติกรรม
    Survey แค่บอกว่า “พนักงานรู้สึกอย่างไร” แต่ไม่ได้บอกว่า “องค์กรจะทำอะไรต่อ”
  2. พนักงานต้องเห็นผลลัพธ์จากเสียงของตน
    เมื่อผลสำรวจไม่ถูกต่อยอดเป็นการปรับปรุงจริง พนักงานอาจรู้สึกว่า “แบบสอบถามไม่มีความหมาย” และ Engagement จะลดลง
  3. เชื่อมโยง Wellbeing เข้ากับกลยุทธ์องค์กร
    การนำข้อมูลสุขภาพจิตมาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ HR และวัฒนธรรมองค์กร ช่วยสร้างความต่อเนื่องและทำให้ผลลัพธ์จับต้องได้

วิธีต่อยอด Wellbeing Survey ให้สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจ

  1. Collect – เก็บข้อมูลสุขภาพจิตพนักงานแบบเชิงลึกและต่อเนื่อง เช่น Pulse Survey รายเดือน หรือ Check-in Survey แบบสั้น
  2. Analyze – วิเคราะห์เชิงลึกเพื่อระบุสัญญาณความเครียดหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
  3. Act – ลงมือทำทันที เช่น
    • จัดโปรแกรมฝึกอบรมความยืดหยุ่นทางจิตใจ (Resilience Training)
    • สร้างช่องทางพูดคุยแบบปลอดภัยสำหรับพนักงาน
    • ปรับสภาพแวดล้อมการทำงานให้สอดคล้องกับ Wellbeing
  4. Review & Evolve – ตรวจสอบผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องและปรับโปรแกรมให้เหมาะกับพนักงานทุกช่วงวัย

ตัวอย่างองค์กรที่ต่อยอด Wellbeing Survey ได้ผลจริง

  • Google: ใช้ Pulse Survey และ Wellbeing Data วิเคราะห์สภาพจิตใจของทีม พร้อมจัดโปรแกรมสนับสนุน เช่น Mindfulness และ Employee Assistance Program
  • Microsoft: นำผล Survey มาออกแบบ Wellness Program และ Mental Health Days ลดความเครียดและเพิ่ม Engagement
  • Adobe: เปลี่ยนจาก Survey รายปีเป็น Check-in Conversation รายเดือน ทำให้หัวหน้างานสังเกตและตอบสนองต่อความเครียดของทีมได้ทันเวลา
  • Unilever Thailand: นำผล Survey มาใช้สร้าง Engagement Playbook และพัฒนาระบบ Leader as Coach เพื่อสนับสนุนพนักงานเชิงรุก
  • SCG: ใช้ Wellbeing Survey เป็น KPI เพื่อวัดสุขภาพจิตของพนักงานและออกแบบโปรแกรม Work-Life Balance ให้เหมาะกับพนักงานทุกระดับ

สรุป

Wellbeing Survey ไม่ควรเป็นแค่เครื่องมือเก็บข้อมูล แต่ต้องต่อยอดเป็น วัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจคนทำงาน
องค์กรที่ฟังและตอบสนองต่อข้อมูลสุขภาพจิตพนักงาน จะสร้าง Engagement และ Loyalty ได้อย่างยั่งยืน พร้อมผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง