องค์กรที่ดูแลใจพนักงาน จะได้ใจพนักงานกลับมา เมื่อข้อมูลสุขภาพจิตกลายเป็นตัวชี้วัดความยั่งยืนของธุรกิจ

องค์กรที่ดูแลใจพนักงาน จะได้ใจพนักงานกลับมา เมื่อข้อมูลสุขภาพจิตกลายเป็นตัวชี้วัดความยั่งยืนของธุรกิจ

ในยุคปัจจุบัน สุขภาพจิตของพนักงานไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวอีกต่อไป แต่กลายเป็น ตัวชี้วัดสำคัญของความยั่งยืนองค์กร พนักงานที่มีสุขภาพจิตดี มีความผูกพันกับองค์กรสูง และพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

หลายองค์กรเริ่มตระหนักว่า การลงทุนด้าน Employee Mental Health ไม่เพียงแต่ช่วยลดอัตราการลาออก แต่ยังสร้าง ความยั่งยืนทางธุรกิจ และเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อ Productivity และ Engagement โดยตรง

ทำไมสุขภาพจิตพนักงานถึงสำคัญต่อองค์กร

  1. แรงขับเคลื่อนที่ยั่งยืน
    พนักงานที่มีสุขภาพจิตดี ย่อมทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดความเครียด และมีแรงบันดาลใจในการสร้างนวัตกรรม
  2. ลดความเสี่ยงทางธุรกิจ
    ปัญหาสุขภาพจิตที่ไม่ได้รับการจัดการ ส่งผลต่อ Turnover สูง ค่าใช้จ่ายในการสรรหาและฝึกอบรมเพิ่มขึ้น และอาจเกิดข้อผิดพลาดในการทำงาน
  3. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง
    เมื่อองค์กรใส่ใจใจพนักงาน พนักงานรู้สึกว่าตนเองมีค่าและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ส่งผลให้ Engagement และ Loyalty สูงขึ้น

การใช้ข้อมูลสุขภาพจิตเป็นตัวชี้วัดความยั่งยืนของธุรกิจ

องค์กรชั้นนำหลายแห่งเริ่มใช้ ข้อมูลสุขภาพจิตพนักงาน เป็น KPI สำคัญในการวัดความยั่งยืน ไม่ใช่แค่ตัวเลขทางการเงิน แต่เป็นดัชนีสุขภาพของคนทำงาน

ตัวอย่างองค์กรที่ทำได้ดี เช่น

  • Google: มีโปรแกรม Employee Assistance Program และการเก็บข้อมูล Well-being Survey เพื่อประเมินสุขภาพจิตพนักงานอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลนี้ถูกนำไปใช้ในการปรับนโยบายและสภาพแวดล้อมการทำงาน
  • Microsoft: ใช้ข้อมูลสุขภาพจิตพนักงานร่วมกับ Engagement Survey เพื่อออกแบบโปรแกรมสนับสนุน เช่น Mental Health Days และ Wellness Program ลดความเครียดและเพิ่มความผูกพันกับองค์กร
  • Unilever Thailand: นำข้อมูลสุขภาพจิตจากแบบสำรวจพนักงานมาพัฒนาระบบ Leader as Coach เพื่อให้หัวหน้าสามารถสังเกตและสนับสนุนทีมได้ทันเวลา
  • SCG: ใช้ดัชนีสุขภาพจิตพนักงานเป็นส่วนหนึ่งของ KPI ขององค์กร เพื่อประเมินความเสี่ยงและออกแบบโปรแกรม Well-being ที่ตอบโจทย์พนักงานทุกช่วงวัย

ขั้นตอนการดูแลใจพนักงานให้เกิดผลจริง

  1. Collect: เก็บข้อมูลสุขภาพจิตพนักงานผ่าน Survey หรือ Check-in แบบเรียลไทม์
  2. Analyze: วิเคราะห์เชิงลึกเพื่อระบุจุดเสี่ยงและโอกาสในการพัฒนา
  3. Act: ลงมือสร้างโปรแกรมสนับสนุน เช่น การปรับสภาพแวดล้อม การฝึกอบรมหัวหน้าทีม และการจัดกิจกรรมส่งเสริม Well-being

เมื่อองค์กรทำอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลสุขภาพจิตจะกลายเป็น ตัวชี้วัดความยั่งยืนที่จับต้องได้ และช่วยให้องค์กรปรับตัวได้อย่างทันเวลา

สรุป

การลงทุนในการดูแลสุขภาพจิตพนักงานไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่เป็น การลงทุนเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ
องค์กรที่ใส่ใจและฟังเสียงพนักงาน จะได้รับ Engagement และ Loyalty กลับคืนมา พร้อมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรงและพร้อมเติบโต