Social Wellbeing Assessment
หลักการและทฤษฎี
Social Wellbeing Assessment คืออะไร?
การประเมินสุขภาวะทางสังคมหลักการและเหตุผล
ความสัมพันธ์ในที่ทำงานที่ดี ส่งผลต่อความพึงพอใจในการทำงานและการรักษาคนเก่งไว้ในองค์กรสุขภาวะทางสังคม (Social Wellbeing) คือความรู้สึกผูกพัน การมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวก และการรู้สึกว่า “ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม” ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของคุณภาพชีวิตในการทำงาน โดยเฉพาะในยุคที่การทำงานมีความหลากหลายสูง ทั้งด้านวัย มุมมอง วัฒนธรรม และรูปแบบการทำงาน (เช่น Hybrid หรือ Remote Work) การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีและความรู้สึกเชื่อมโยงกันในทีมงานจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อการสร้างความสุขและประสิทธิภาพในการทำงาน
แม้บางองค์กรจะมีสวัสดิการหรือกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์อยู่บ้าง แต่กลับพบว่าพนักงานบางกลุ่มยังรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่กล้าแสดงออก หรือไม่มั่นใจในความเป็นที่ยอมรับของตนเองในทีม ปัญหาเหล่านี้อาจไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่สามารถบั่นทอนแรงจูงใจ ความผูกพัน และส่งผลต่อการตัดสินใจลาออกในระยะยาว
การประเมินสุขภาวะทางสังคมในองค์กรจึงมีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการเปิดมุมมองให้เข้าใจว่า “พนักงานรู้สึกอย่างไรกับการอยู่ร่วมกัน” องค์กรจะได้รับข้อมูลที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าคำว่า “ทีมเวิร์กดี” หรือ “สื่อสารดี” และสามารถเข้าใจโครงสร้างความสัมพันธ์ ความเชื่อใจ และระดับการมีส่วนร่วมเชิงสังคมของพนักงานแต่ละกลุ่มได้อย่างแท้จริง
บริการ Social Wellbeing Assessment จะช่วยให้องค์กรตรวจสอบระดับความผูกพัน ความเชื่อมั่น การยอมรับ และความรู้สึกปลอดภัยในการแสดงออกทางความคิดเห็น (Psychological Safety) ผ่านการประเมินทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ พร้อมวิเคราะห์เครือข่ายความสัมพันธ์ (Social Network Mapping) ที่สามารถนำไปใช้วางแผนพัฒนาความสัมพันธ์ในทีมได้อย่างเป็นระบบ
องค์กรที่มีสุขภาวะทางสังคมที่ดี จะสามารถสร้างทีมที่แข็งแกร่ง มีความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ลดความขัดแย้ง และรักษาคนเก่งให้อยู่กับองค์กรได้ยาวนาน
วัตถุประสงค์
- ประเมินระดับความผูกพัน ความไว้วางใจ และความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของพนักงาน
รวมถึงความรู้สึกปลอดภัยทางจิตใจ (Psychological Safety) ที่ส่งผลต่อการสื่อสารและการแสดงออก - สำรวจความสัมพันธ์เชิงสังคมภายในองค์กร
ระหว่างเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน และทีมข้ามสายงาน เพื่อเข้าใจวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน - ระบุพนักงานหรือกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านความโดดเดี่ยวทางสังคม
หรือความรู้สึกไม่เป็นที่ยอมรับ เพื่อวางแนวทางการดูแลอย่างเหมาะสม - ใช้ข้อมูลเชิงเครือข่าย (Social Network Analysis) เพื่อวางแผนพัฒนาทีมและระบบสนับสนุน
เช่น Buddy System, Mentorship หรือกิจกรรม Team Bonding ที่ตอบโจทย์ความต้องการจริง
แผนการดำเนินงาน
ระยะที่ 1: เตรียมความพร้อมและวางแผน (Preparation & Planning)
- ประชุมร่วมกับผู้บริหารและ HR เพื่อกำหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินให้ชัดเจน
- วิเคราะห์โครงสร้างองค์กร วัฒนธรรมการทำงาน และบริบทเฉพาะ เช่น การทำงานแบบ Hybrid หรือ Cross-functional
- ออกแบบเครื่องมือประเมินที่เหมาะสม เช่น
- แบบสอบถามวัดระดับความสัมพันธ์ในทีม (Connectedness, Trust, Inclusion)
- แบบประเมิน Psychological Safety
- เครื่องมือสำรวจเครือข่ายสังคม (Social Network Mapping Tools)
ระยะที่ 2: ดำเนินการประเมิน (Assessment Phase)
- สื่อสารภายในองค์กรเพื่อสร้างความเข้าใจและกระตุ้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน
- ดำเนินการเก็บข้อมูลผ่านแบบสอบถามออนไลน์/On-site แบบไม่ระบุตัวตน
- ดำเนินกิจกรรม Focus Group / Mini Dialogue กับกลุ่มพนักงานที่หลากหลาย
- ใช้ Social Network Mapping เพื่อสำรวจโครงสร้างความสัมพันธ์ ความไว้วางใจ และจุดเชื่อมต่อในองค์กร
ระยะที่ 3: วิเคราะห์ข้อมูล (Analysis & Insight Generation)
- วิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติและเชิงคุณภาพ เพื่อตรวจสอบระดับสุขภาวะทางสังคม
- จำแนกกลุ่มพนักงานตามระดับความเชื่อมโยงทางสังคม (สูง-กลาง-ต่ำ)
- สังเคราะห์ปัจจัยสนับสนุน และอุปสรรคที่ส่งผลต่อความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในองค์กร
- จัดทำ “Social Wellbeing Heatmap” หรือแผนที่แสดงจุดเชื่อมโยงและช่องว่างทางความสัมพันธ์
ระยะที่ 4: จัดทำรายงานและเสนอแนวทางพัฒนา (Reporting & Recommendations)
- จัดทำรายงานผลการประเมิน พร้อมกราฟ วิเคราะห์แนวโน้ม และข้อค้นพบที่สำคัญ
- สรุปประเด็นเร่งด่วน จุดแข็ง และโอกาสในการพัฒนาวัฒนธรรมเชิงสัมพันธ์
- เสนอแนวทางพัฒนา เช่น:
- การสร้าง Buddy System หรือ Peer Mentoring
- การจัดกิจกรรม Cross-team Collaboration
- การอบรมหัวหน้างานเรื่องการสร้าง Psychological Safety
- การส่งเสริม Inclusion & Belonging ผ่านกิจกรรมที่มีความหมาย
ระยะที่ 5: ติดตามผลและเสริมสร้างความยั่งยืน (Follow-up & Engagement)
- เสนอแนวทางวางระบบติดตามสุขภาวะทางสังคมอย่างต่อเนื่อง เช่น Pulse Survey, Team Check-in Tools
- จัดเวิร์กช็อปสะท้อนผลและสร้างความเข้าใจในทีม
- สร้าง “Community Champions” หรือทีมสนับสนุนความสัมพันธ์ข้ามแผนก
- เตรียมแนวทางเชื่อมโยงผลลัพธ์เข้ากับแผนพัฒนาองค์กร เช่น Engagement Strategy หรือ Talent Retention Plan
แผนการดำเนินงาน
ประโยชน์ที่ได้รับ
1.พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง และได้รับพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจ
ช่วยลดความโดดเดี่ยว เพิ่มความมั่นใจในการมีปฏิสัมพันธ์ และสร้างความสัมพันธ์ใหม่ที่สนับสนุนกัน
2.ทีมทำงานร่วมกันได้ราบรื่น ด้วยความไว้ใจและความเข้าใจที่ลึกขึ้น
ลดความขัดแย้ง ส่งเสริมความสามัคคี และปรับการบริหารให้เหมาะกับบริบทของทีม
3.องค์กรเห็นภาพรวมความสัมพันธ์ภายในได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
นำไปสู่การออกแบบกิจกรรม การพัฒนาทีม และระบบสนับสนุนที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
4.ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจความสัมพันธ์และความหลากหลาย
ลดการลาออกจากพนักงานที่รู้สึกไม่มีที่ยืน และส่งเสริมการสื่อสารข้ามทีม ข้ามรุ่น
5.ยกระดับภาพลักษณ์องค์กรและรองรับแนวทาง ESG/DEI
วางรากฐานความยั่งยืนด้านความสัมพันธ์ และช่วยดึงดูด Talent ที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กร
ผลที่ได้รับ
1.พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรและไม่โดดเดี่ยว
เกิดความมั่นใจในการแสดงออก ขอความช่วยเหลือ และมีพลังใจในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
2.ทีมทำงานร่วมกันอย่างเข้าใจและสนับสนุนกันมากขึ้น
ความร่วมมือดีขึ้น ทั้งในทีมและข้ามทีม บรรยากาศทำงานดีขึ้น และลดความขัดแย้ง
3.องค์กรมีข้อมูลชัดเจนเพื่อบริหารสุขภาวะทางสังคมเชิงกลยุทธ์
วางแผนพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรได้แม่นยำ พร้อมระบบดูแลความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
4.ยกระดับการบริหารทุนมนุษย์จาก “ทรัพยากร” สู่ “พื้นที่ที่คนอยากอยู่”
ลดอัตราการลาออกจากความรู้สึกไม่กลมกลืน และเสริมสร้างพื้นที่การทำงานที่มีคุณภาพ
5.สนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนและภาพลักษณ์องค์กรที่ใส่ใจคน
เชื่อมโยงกับ SDGs, DEI, และ Talent Strategy ทำให้ต่อยอดการพัฒนาองค์กรได้ต่อเนื่องและลึกซึ้ง
สิ่งที่ส่งมอบ
1.รายงานผลวิเคราะห์สุขภาวะทางสังคมในองค์กร
- ภาพรวมรายงานสุขภาวะทางสังคม (Social Wellbeing Overview)
- Executive Summary พร้อมข้อเสนอเชิงกลยุทธ์
- Heatmap และข้อมูลเชิงลึกแยกตามกลุ่มหรือแผนก
2.เครื่องมือประเมินและแปลผลอย่างเข้าใจง่าย
- แบบประเมินด้าน Social Connectedness, Inclusion, Psychological Safety
- Social Network Mapping และ Template สำหรับ Self-Reflection
- คู่มือแปลผลพร้อมแนวทางการอ่านค่า
3.กิจกรรมและแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์ในทีม
- Buddy Program, Team Dialogue, Roadmap พัฒนาความสัมพันธ์
- Workshop เสริมความเข้าใจ (สำหรับ HR หรือหัวหน้า)
- แนวทางสร้างวัฒนธรรม Psychological Safety
4.แนวทางติดตามผลและความยั่งยืนในระยะยาว
- Pulse Survey / Check-in Tool สำหรับติดตามความเปลี่ยนแปลง
- ข้อเสนอระบบสนับสนุน เช่น Culture Champion
- เชื่อมโยงผลกับ Engagement, DEI, Talent Strategy