3 สัญญาณเตือนว่าพนักงานเริ่มไม่อินกับงานและแบบสำรวจช่วยจับสัญญาณนี้ได้อย่างไร

3 สัญญาณเตือนว่าพนักงานเริ่มไม่อินกับงานและแบบสำรวจช่วยจับสัญญาณนี้ได้อย่างไร

ในยุคที่ “คน” คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร การเข้าใจความรู้สึกของพนักงานไม่ใช่เรื่องรองอีกต่อไป
แต่เป็น “ข้อมูลเชิงกลยุทธ์” ที่สะท้อนสุขภาพขององค์กรในทุกมิติ

เพราะความผูกพันของพนักงาน (Employee Engagement) มีผลโดยตรงต่อ ประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ทางธุรกิจ และวัฒนธรรมองค์กร
และหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กร “มองเห็นก่อนสาย” ก็คือ แบบสำรวจพนักงาน (Employee Survey)

สัญญาณที่ 1: พนักงานเริ่ม “ทำงานเพียงเพื่อตอบโจทย์ KPI”

เมื่อพนักงานเริ่มทำงานเพียงเพื่อให้ครบตามเป้าหมาย ไม่ได้รู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ทำ
หรือเริ่มพูดว่า “ทำแค่นี้ก็พอ” — นั่นคือสัญญาณแรกของการหมดไฟทางใจ (Disengagement)

ผลกระทบ:

  • ผลลัพธ์ของงานลดลงอย่างต่อเนื่อง
  • ความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจหายไป
  • ทีมเริ่มขาดพลังร่วม

แบบสำรวจช่วยอย่างไร:
หัวข้อ Purpose & Motivation ในแบบสอบถาม เช่น

  • “คุณรู้สึกว่างานที่คุณทำมีคุณค่าต่อองค์กรหรือไม่?”
  • “คุณรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่คุณทำอยู่หรือไม่?”

คำถามเหล่านี้ช่วยสะท้อนระดับแรงจูงใจภายในของพนักงานได้ชัดเจน และเป็นจุดเริ่มต้นในการออกแบบแนวทางพัฒนาเส้นทางอาชีพหรือโปรแกรมยกระดับความผูกพัน

สัญญาณที่ 2: พนักงานเริ่ม “เงียบ” ในการสื่อสาร

จากคนที่เคยเสนอไอเดีย กลายเป็นคนที่ “เงียบตลอดการประชุม”
จากคนที่เคยแชร์ความคิดเห็น กลายเป็นคนที่ “พูดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้”

ผลกระทบ:

  • วัฒนธรรมทีมเริ่มอ่อนแรง
  • การสื่อสารภายในลดลง
  • ความไว้ใจระหว่างทีมลดลงอย่างเห็นได้ชัด

แบบสำรวจช่วยอย่างไร:
หัวข้อ Team Communication และ Psychological Safety ในแบบสอบถาม เช่น

  • “คุณรู้สึกปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมหรือไม่?”
  • “เมื่อคุณเสนอความเห็นใหม่ๆ คุณรู้สึกว่ามีคนรับฟังจริงหรือไม่?”

คำถามเหล่านี้ช่วยให้องค์กรมองเห็นว่าทีมยังเปิดรับความคิดเห็นอยู่หรือเริ่มปิดกั้น ซึ่งเป็นจุดชี้วัดสำคัญของ “วัฒนธรรมทีมที่ดี”

สัญญาณที่ 3: พนักงานเริ่ม “ไม่รู้สึกเชื่อมโยง” กับองค์กร

แม้ยังมาทำงานครบ แต่ขาดรอยยิ้มและความภูมิใจในสิ่งที่ทำ
แม้จะยังส่งงานตรงเวลา แต่ไม่มีพลังในการมีส่วนร่วม

ผลกระทบ:

  • ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและองค์กรเริ่มห่าง
  • ความรู้สึกเป็นเจ้าของ (Ownership) ลดลง
  • เสี่ยงต่อ “การลาออกเงียบ” (Quiet Quitting)

แบบสำรวจช่วยอย่างไร:
หัวข้อ Emotional Engagement และ Connection with Organization เช่น

  • “คุณรู้สึกว่าองค์กรนี้เหมาะกับตัวคุณหรือไม่?”
  • “ถ้ามีโอกาส คุณจะแนะนำเพื่อนให้มาทำงานที่นี่หรือไม่?”

ข้อมูลจากคำถามเหล่านี้มักสะท้อนระดับ Employee Net Promoter Score (eNPS) ซึ่งใช้วัดความภักดีและความเชื่อมโยงของพนักงานได้อย่างแม่นยำ

ตัวอย่างองค์กรที่ใช้แบบสำรวจเพื่อฟัง “สัญญาณจากทีม”

Microsoft
ใช้ “Employee Listening System” ที่รวบรวมข้อมูลจาก Microsoft Viva Insights และ Teams Chat เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและความรู้สึกของพนักงานแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถออกแบบมาตรการสนับสนุนทีมงานได้ตรงจุด

Google
ใช้ข้อมูลจาก People Analytics เพื่อวัดและวิเคราะห์ระดับแรงจูงใจในแต่ละทีม พร้อมใช้ AI วิเคราะห์ข้อความจากแบบสอบถามปลายเปิด เพื่อหาสาเหตุของความไม่พอใจหรือความเหนื่อยล้าทางอารมณ์

องค์กรในไทยอย่าง Impression Consulting
นำแบบสำรวจเชิงลึก (Deep Listening Survey) มาใช้ร่วมกับการอบรม Soft Skills และโปรแกรม Engagement Analytics ทำให้อัตราการลาออกลดลงกว่า 30% ภายใน 6 เดือน และสร้างทีมงานที่มีพลังและความภูมิใจในงานมากขึ้น

ทำไม “แบบสำรวจที่ดี” จึงมีค่ามากกว่าแบบสอบถามทั่วไป

  1. เป็นระบบที่ต่อเนื่อง (Continuous Listening)
    ไม่ใช่การสำรวจปีละครั้ง แต่ติดตามความรู้สึกของพนักงานแบบสม่ำเสมอ
  2. ใช้เทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์เชิงลึก (AI Sentiment Analysis)
    เพื่อเข้าใจ “อารมณ์” และ “บริบท” ของคำตอบ ไม่ใช่แค่ตัวเลขคะแนน
  3. แปลงข้อมูลเป็นแผนพัฒนาองค์กร (Actionable Insight)
    ผลลัพธ์จากแบบสำรวจควรถูกต่อยอดเป็นกลยุทธ์พัฒนา เช่น ปรับโครงสร้างการสื่อสาร หรือออกแบบกิจกรรม Team Building ให้ตรงปัญหา

สรุป

พนักงานที่ “ไม่อินกับงาน” ไม่ได้หายไปเฉยๆ ในวันลาออก
แต่ค่อยๆ หายไปทุกวันที่พวกเขารู้สึกว่า “เสียงของตัวเองไม่มีค่า”แบบสำรวจพนักงานจึงไม่ใช่เพียงเครื่องมือทาง HR
แต่คือระบบเตือนภัยล่วงหน้า ที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจคนทำงานก่อนที่ความสัมพันธ์จะขาดลง