ในยุคที่ “คน” คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร การเข้าใจความรู้สึกของพนักงานไม่ใช่เรื่องรองอีกต่อไป
แต่เป็น “ข้อมูลเชิงกลยุทธ์” ที่สะท้อนสุขภาพขององค์กรในทุกมิติ
เพราะความผูกพันของพนักงาน (Employee Engagement) มีผลโดยตรงต่อ ประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ทางธุรกิจ และวัฒนธรรมองค์กร
และหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กร “มองเห็นก่อนสาย” ก็คือ แบบสำรวจพนักงาน (Employee Survey)
สัญญาณที่ 1: พนักงานเริ่ม “ทำงานเพียงเพื่อตอบโจทย์ KPI”
เมื่อพนักงานเริ่มทำงานเพียงเพื่อให้ครบตามเป้าหมาย ไม่ได้รู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ทำ
หรือเริ่มพูดว่า “ทำแค่นี้ก็พอ” — นั่นคือสัญญาณแรกของการหมดไฟทางใจ (Disengagement)
ผลกระทบ:
- ผลลัพธ์ของงานลดลงอย่างต่อเนื่อง
- ความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจหายไป
- ทีมเริ่มขาดพลังร่วม
แบบสำรวจช่วยอย่างไร:
หัวข้อ Purpose & Motivation ในแบบสอบถาม เช่น
- “คุณรู้สึกว่างานที่คุณทำมีคุณค่าต่อองค์กรหรือไม่?”
- “คุณรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่คุณทำอยู่หรือไม่?”
คำถามเหล่านี้ช่วยสะท้อนระดับแรงจูงใจภายในของพนักงานได้ชัดเจน และเป็นจุดเริ่มต้นในการออกแบบแนวทางพัฒนาเส้นทางอาชีพหรือโปรแกรมยกระดับความผูกพัน
สัญญาณที่ 2: พนักงานเริ่ม “เงียบ” ในการสื่อสาร
จากคนที่เคยเสนอไอเดีย กลายเป็นคนที่ “เงียบตลอดการประชุม”
จากคนที่เคยแชร์ความคิดเห็น กลายเป็นคนที่ “พูดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ผลกระทบ:
- วัฒนธรรมทีมเริ่มอ่อนแรง
- การสื่อสารภายในลดลง
- ความไว้ใจระหว่างทีมลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แบบสำรวจช่วยอย่างไร:
หัวข้อ Team Communication และ Psychological Safety ในแบบสอบถาม เช่น
- “คุณรู้สึกปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมหรือไม่?”
- “เมื่อคุณเสนอความเห็นใหม่ๆ คุณรู้สึกว่ามีคนรับฟังจริงหรือไม่?”
คำถามเหล่านี้ช่วยให้องค์กรมองเห็นว่าทีมยังเปิดรับความคิดเห็นอยู่หรือเริ่มปิดกั้น ซึ่งเป็นจุดชี้วัดสำคัญของ “วัฒนธรรมทีมที่ดี”
สัญญาณที่ 3: พนักงานเริ่ม “ไม่รู้สึกเชื่อมโยง” กับองค์กร
แม้ยังมาทำงานครบ แต่ขาดรอยยิ้มและความภูมิใจในสิ่งที่ทำ
แม้จะยังส่งงานตรงเวลา แต่ไม่มีพลังในการมีส่วนร่วม
ผลกระทบ:
- ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและองค์กรเริ่มห่าง
- ความรู้สึกเป็นเจ้าของ (Ownership) ลดลง
- เสี่ยงต่อ “การลาออกเงียบ” (Quiet Quitting)
แบบสำรวจช่วยอย่างไร:
หัวข้อ Emotional Engagement และ Connection with Organization เช่น
- “คุณรู้สึกว่าองค์กรนี้เหมาะกับตัวคุณหรือไม่?”
- “ถ้ามีโอกาส คุณจะแนะนำเพื่อนให้มาทำงานที่นี่หรือไม่?”
ข้อมูลจากคำถามเหล่านี้มักสะท้อนระดับ Employee Net Promoter Score (eNPS) ซึ่งใช้วัดความภักดีและความเชื่อมโยงของพนักงานได้อย่างแม่นยำ
ตัวอย่างองค์กรที่ใช้แบบสำรวจเพื่อฟัง “สัญญาณจากทีม”
Microsoft
ใช้ “Employee Listening System” ที่รวบรวมข้อมูลจาก Microsoft Viva Insights และ Teams Chat เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและความรู้สึกของพนักงานแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถออกแบบมาตรการสนับสนุนทีมงานได้ตรงจุด
Google
ใช้ข้อมูลจาก People Analytics เพื่อวัดและวิเคราะห์ระดับแรงจูงใจในแต่ละทีม พร้อมใช้ AI วิเคราะห์ข้อความจากแบบสอบถามปลายเปิด เพื่อหาสาเหตุของความไม่พอใจหรือความเหนื่อยล้าทางอารมณ์
องค์กรในไทยอย่าง Impression Consulting
นำแบบสำรวจเชิงลึก (Deep Listening Survey) มาใช้ร่วมกับการอบรม Soft Skills และโปรแกรม Engagement Analytics ทำให้อัตราการลาออกลดลงกว่า 30% ภายใน 6 เดือน และสร้างทีมงานที่มีพลังและความภูมิใจในงานมากขึ้น
ทำไม “แบบสำรวจที่ดี” จึงมีค่ามากกว่าแบบสอบถามทั่วไป
- เป็นระบบที่ต่อเนื่อง (Continuous Listening)
ไม่ใช่การสำรวจปีละครั้ง แต่ติดตามความรู้สึกของพนักงานแบบสม่ำเสมอ - ใช้เทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์เชิงลึก (AI Sentiment Analysis)
เพื่อเข้าใจ “อารมณ์” และ “บริบท” ของคำตอบ ไม่ใช่แค่ตัวเลขคะแนน - แปลงข้อมูลเป็นแผนพัฒนาองค์กร (Actionable Insight)
ผลลัพธ์จากแบบสำรวจควรถูกต่อยอดเป็นกลยุทธ์พัฒนา เช่น ปรับโครงสร้างการสื่อสาร หรือออกแบบกิจกรรม Team Building ให้ตรงปัญหา
สรุป
พนักงานที่ “ไม่อินกับงาน” ไม่ได้หายไปเฉยๆ ในวันลาออก
แต่ค่อยๆ หายไปทุกวันที่พวกเขารู้สึกว่า “เสียงของตัวเองไม่มีค่า”แบบสำรวจพนักงานจึงไม่ใช่เพียงเครื่องมือทาง HR
แต่คือระบบเตือนภัยล่วงหน้า ที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจคนทำงานก่อนที่ความสัมพันธ์จะขาดลง