ปัจจุบันองค์กรชั้นนำทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับ Wellbeing ของพนักงาน ไม่ใช่แค่เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดความเครียด และที่สำคัญคือช่วย ลดอัตราการลาออกของพนักงาน อย่างมีนัยสำคัญ
จากการศึกษาพบว่า พนักงานที่มีสุขภาพกายและจิตที่ดี จะสามารถทำงานได้เต็มศักยภาพ มีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น และสร้างผลงานที่มีคุณภาพให้องค์กร ในขณะเดียวกัน องค์กรที่ละเลย Wellbeing ของพนักงานมักพบปัญหาการลาออกสูง การทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ และการเกิดภาวะหมดไฟ (Burnout) ในที่ทำงาน
ในบทความนี้ เราจะมาดูว่า การส่งเสริม Wellbeing ของพนักงานสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดการลาออกได้อย่างไร พร้อมตัวอย่างองค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการนำแนวคิดนี้มาใช้
Wellbeing พนักงานคืออะไร?
Wellbeing พนักงานไม่ได้หมายถึงแค่สุขภาพกายที่ดีเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงสุขภาพจิต อารมณ์ และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข
องค์ประกอบสำคัญของ Wellbeing พนักงาน ได้แก่:
✅ สุขภาพกาย – การมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงจากโภชนาการ การออกกำลังกาย และสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อสุขภาพ
✅ สุขภาพจิต – การลดความเครียด สนับสนุนด้านจิตใจ และสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตร
✅ Work-Life Balance – การจัดสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว เพื่อลดภาวะหมดไฟในการทำงาน
✅ ความสัมพันธ์ในที่ทำงาน – การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและมีส่วนร่วม
✅ แรงจูงใจและความก้าวหน้า – การสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาทักษะและเติบโตในสายอาชีพ
ผลลัพธ์ของการส่งเสริม Wellbeing พนักงาน
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
พนักงานที่มีสุขภาพดีและมีความสุขในการทำงานจะมี Productivity ที่สูงขึ้น สามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิและสร้างสรรค์มากขึ้น
ลดความเครียดและภาวะหมดไฟ (Burnout)
การดูแล Wellbeing ช่วยลดความเครียดของพนักงาน ทำให้พวกเขามีพลังในการทำงานมากขึ้น และไม่รู้สึกกดดันจนเกินไป
ลดอัตราการลาออกและดึงดูดคนเก่ง
องค์กรที่ให้ความสำคัญกับ Wellbeing มักเป็นที่ต้องการของพนักงานที่มีคุณภาพ และช่วยให้พนักงานเดิมมีความภักดีต่อองค์กร
สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี
เมื่อพนักงานรู้สึกว่าองค์กรให้ความสำคัญกับ Wellbeing ของพวกเขา พวกเขาจะมีความสุขในการทำงาน และพร้อมที่จะสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับองค์กร
ตัวอย่างองค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการส่งเสริม Wellbeing
1. Google – สนับสนุนสุขภาพและจิตใจของพนักงาน
Google เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมาตรฐานการดูแล Wellbeing ของพนักงานในระดับสูง มีโปรแกรมดูแลสุขภาพแบบครบวงจร เช่น ฟิตเนส โภชนาการที่ดี และโปรแกรมสนับสนุนด้านสุขภาพจิต เช่น โครงการฝึกสติ (Mindfulness Training) และการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา
ผลลัพธ์: พนักงานมี Productivity สูงขึ้น อัตราการลาออกต่ำ และองค์กรยังติดอันดับบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุด
2. Microsoft – ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance
Microsoft สนับสนุนการทำงานแบบ Hybrid และมีโครงการสนับสนุน Wellbeing ของพนักงาน เช่น Flexible Work Policy ที่ช่วยให้พนักงานสามารถจัดตารางการทำงานได้เอง และมีโครงการสนับสนุนด้านสุขภาพจิต เช่น การให้คำปรึกษากับนักจิตวิทยาฟรี
ผลลัพธ์: พนักงานมีความพึงพอใจในงานมากขึ้น ลดอัตราการลาออก และเพิ่มความสามารถในการทำงาน
3. Unilever – ดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ของพนักงานแบบองค์รวม
Unilever มีแนวทาง “Wellbeing at Work” ที่ช่วยให้พนักงานสามารถดูแลสุขภาพกายและจิตใจไปพร้อมกัน โดยมีสวัสดิการด้านสุขภาพ โครงการส่งเสริม Work-Life Balance และกิจกรรมเสริมสร้างความสุข เช่น การฝึกโยคะ และกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน
ผลลัพธ์: พนักงานมี Engagement สูงขึ้น มีแรงจูงใจในการทำงาน และมีความผูกพันกับองค์กร
4. Airbnb – วัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจพนักงาน
Airbnb ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตและความสุขของพนักงาน โดยให้สวัสดิการ เช่น ค่าที่พักเพื่อการพักผ่อน (Travel Credits) และการทำงานที่ยืดหยุ่น พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศการทำงานที่ผ่อนคลาย
ผลลัพธ์: พนักงานมีความสุข อัตราการลาออกต่ำ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กรมากขึ้น
แนวทางในการส่งเสริม Wellbeing พนักงานในองค์กรของคุณ
✅ สร้าง Work-Life Balance – เปิดโอกาสให้พนักงานมีเวลาพักและทำงานที่ยืดหยุ่น
✅ ส่งเสริมสุขภาพกายและจิต – จัดโครงการดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย และสนับสนุนการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต
✅ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นมิตร – ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และให้พนักงานรู้สึกว่ามีคุณค่า
✅ ให้โอกาสในการพัฒนาทักษะ – สนับสนุนการเรียนรู้และความก้าวหน้าในสายอาชีพ
✅ ใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุน Wellbeing – เช่น แอปพลิเคชันเพื่อสุขภาพ หรือแพลตฟอร์มสนับสนุนการทำงานแบบ Remote
สรุป
องค์กรที่ใส่ใจ Wellbeing ของพนักงาน ไม่เพียงช่วยให้พนักงานมีความสุขและสุขภาพดีขึ้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อ ประสิทธิภาพการทำงาน และอัตราการลาออก ที่ลดลง
บริษัทชั้นนำอย่าง Google, Microsoft, Unilever และ Airbnb ต่างพิสูจน์แล้วว่า การลงทุนใน Wellbeing พนักงานเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน
หากองค์กรของคุณต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดปัญหาการลาออก และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความสำเร็จ การส่งเสริม Wellbeing พนักงาน คือกลยุทธ์สำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม!